ขับเคลื่อนโดย Blogger.
มีไม่กี่ครั้งที่เราจะได้เห็นน้ำท่วมใหญ่และยาวนานขนาดนี้ ผมแทบจำไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำว่าในช่วงที่ผมเกิดมามันเคยมีครั้งไหนท่วมใหญ่กว่านี้หรือป่าว แต่ที่แน่ ครั้งนี้ทำให้รู้ว่าประเทศของเรายังไม่แตกแยก เพราะเราได้เห็นสายธารน้ำใจจวกพี้น้องทั่วประเทศส่งไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยไม่เกี่ยงสี ไม่เกี่ยงภาค ถึงจะมีบางกลุ่มที่งอแงบ้าง
 เรื่องเล่าตำนานความรักที่ยิ่งใหญ่ ของเจ้าแม่สามมุก
ถ้าเอ่ยถึงตำนานความรักที่ยิ่งใหญ่ของชายหญิงที่มีจุดจบแสนเศร้า หลายคนคงนึกถึงตำนานความรักของสองตระกูลใหญ่ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ลงรอยกัน อันเป็นผลให้ความรักของรุ่นลูกอย่าง โรมิโอและจูเลียตต้องจบลงด้วยความตาย แต่ถ้าเป็นตำนานรักของไทย หนีไม่พ้น ขวัญ เรียมที่มีจุดจบที่คล้ายคลึงกันตลอดจนความรักของ นางนากผีสาวผู้ที่รอการกลับมาของสามี จนกลายเป็นตำนานของความรักแท้ที่ยิ่งใหญ่ที่เล่าขานกันมารุ่นต่อรุ่น

       

วันนี้เอาข่าวมาบอกครับ กับร้อยปีเกาะสีชัง เกาะสีชังมีสถานที่สำคัญหลายแห้งเลยหละครับ ไปดูรายละเอียดกัน


อำเภอเกาะสีชัง  ร่วมกับ  เทศบาลเกาะสีชัง   และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  สำนักงานพัทยา  ของเชิญร่วมเป็นหนึ่งในงาน "ประจำปีวันรำลึก  100  ปี เกาะสีชัง" ประจำปี  2553  ระหว่างวันที่  19-20  กันยายน  2553  ตั้งแต่เวลา  09.00  น   ณ  บริเวณพระจุฑาธุชราชฐาน  อ.เกาะสีชัง  จ.ชลบุรี    โดยการจัดกิจกรรมดังกล่าว  เริ่มตั้งแต่  ปี  พ.ศ.  2542   โดยท่านธงชัย  อนันตผมล  อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์  เมื่อครั้งสมัยท่านดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี  ซึ่งได้เล็งเห็นความสำคัญของเกาะสีชัง  ซึ่งเป็นเกาะประวัติศาสตร์มีความสัมพันธ์กับองค์พระมหากษัตริย์ของไทยหลาย รัชกาล  โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว    ซึ่งทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระจุฑาธุชราชฐานขึ้น  และเพื่อเป็นการน้อมรำลึกบุญบารมี  และ       วันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ท่าน  จึงได้มีการจัดงานขึ้นและยังเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวของ เกาะสีชังให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น

หลังจากที่ได้ไปเพลินวานก็พอว่าที่นี้มีเสนห์ แบบที่คิดไม่ถึงเหมือนกัน กับงานที่พยายามเก่าแต่พอเราไปพบจริงคุณไม่ต้องพยายามมากก้ได้ เพราะที่นี้มีอารมณ์ที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน แบบที่คุณไม่ต้องบรรยายเลยหละ เพราะผมเชื่อว่าทุกคนที่มาต้องรู้สึกชอบไปกับมันอย่างแน่นอน

ข้่างล่างนี้คือข้อความจากเว็บเพลินวานเองครับ 
 
หัวใจหลักในการดำเนินงานของเพลินวาน อยู่ที่การสนับสนุนให้คนในทุกๆพื้นที่ตั้งของเพลินวาน มีอาชีพ มีรายได้ และ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากการพัฒนาร่วมกัน เพื่อสร้างมูลค่าให้กับสินค้าหรือต้นทุนเดิมที่มีอยู่แล้วของคนพื้นถิ่น
เทศการงานเดือนสิบเมืองนครศรีธรรมราช

ย้ายจากนครปฐมผมก็นึกถึงนครศรีธรรมราชแต่ครั้งนี้ไม่ใช้ ถนนคนเดินหรือเอาสินค้ามาขายหลอกนะครับแต่เป็นงานเทศกาลที่ขึ้นชื่อของเมืองนครศรีธรรมราชคงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก เทศกาลงานเดือนสิบ งานเดือนสิบนั้นได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2466 มีกิจกรมมต่างๆมากมาย ได้แก่
  




- วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ประกอบด้วย
- การจัดตลาดย้อนยุค
- การตั้งเปรต ชิงเปรต
- ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบด้วย
- การแสดงแสงสีสื่อผสม การประชันหนังตุง การสาธิตและประกวดหุ่นเปรต
- สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์
- การประกวดเพลงร้องเรือ
- กลอนสด โนรา เพลงบอก
- การประกวดแข่งขันสาธิตหัตถกรรมพื้นบ้าน
- การประกวดนางสาวนครศรีธรรมราช (ชอบมากสาวเมืองนี้)
- การจัดแสดงวิพิธทัศนา
- การออกร้านการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP

กลับมาที่เนื้อหาของงานก่อน งานเดือนสิบ เป็นงานสำคัญในการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติพี่น้อง ที่ล่วงลับไปแล้ว ด้วยความเชื่อทางพุทธศาสนิกชนในเรื่องกฏแห่งกรรม ผู้ที่สร้างบาปกรรมไว้มาก เมื่อตายไปจะกลายเป็นเปรตทนทุขเวทนาชดใช้บาปกรรมนั้น เมื่อถึงวันสารท ชาวบ้าน จึงจัดสำรับคาวหวานไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ เรียกกันว่าการทำบุญสารทเดือนสิบ หรือ การยกหฺมฺรับ (อ่านว่ายก-หมับ) การจัดหฺมฺรับไปทำบุญที่วัดนั้น จะประกอบไปด้วยขนม 5 อย่าง ได้แก่
- ขนมลา เปรียบเสมือนแพรพรรณเครื่องนุ่งห่ม
- ขนมพอง เปรียบเสมือเป็นยานพาหนะให้ผู้ล่วงลับได้ใช้เป็นแพข้ามสู่ภพภูมิใหม่
- ขนมกง อุทิศเป็นเครื่องประดับ
- ขนมดีซำ อุทิศเป็นเงินเบี้ยสำหรับใช้สอย
- ขนมบ้า สำหรับวิญญาณผู้ล่วงลับจะได้ใช้เล่นสะบ้าในวันสงกรานต์
 การจัดหฺมรับ หรือ สำรับ นั้น มักจะใช้ภาชนะเป็นกระบุงทรงเตี้ย ๆ ใส่อาหารหวานคาวและของแห้ง และจัดขบวนแห่หฺมฺรับของตนไปที่วัดใกล้ ๆ บ้าน เพื่อที่จะถวายพระสงฆ์ ไปวางรวมกันบริเวณริมกำแพงวัดหรือทางเข้าวัด หรืออาจทำเป็นที่ตั้งสูง ๆ ไว้สำหรับให้ทานเรียกว่า “หลาเปรต” โดยจะมีผู้คนแย่งกันไปเอาขนมที่หลาเปรต เรียกว่า “ชิงเปรต” เพราะมีความเชื่อว่าการกินของที่เหลือจากเซ่นไหว้บรรพชนได้กุศล(ในห้าแพร่งทำซะหน้ากลัวเลยครับ)


งั้นขอเกริ่นเรื่องใกล้ตัวก่อนละกันนะครับว่า ช่วงที่หายไปนี้แอบไปขายของที่ถนนคนเดินนครปฐม(ถนนคนเดิน ทวารวดี ศรีนครปฐม)มาครับ เป็นถนนคนเดินที่เพื่อนอีกหลายคนยังไม่รู้จักกันเพราะมันดูเหมือนจะเงียบๆ แต่ที่นี้ก็มีเสน่ห์ของตัวมันเองครับ ไม่ว่าจะเป็นสินค้า handmad หรือ กิจกรรมจากน้องๆนักศึกษา (เห็นแล้วอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง)มีสินค้าให้คุณได้ซื้อในราคาถูกแน่นอนครับ อาหารอร่อยอันนี้ขอบอกต่อเลยครับและไม่แพงด้วยนะ

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเดินคื่อช่วงหกโมงถึงสามทุ่มครับ เพราะอากาศกำลังดีไม่ร้อน ที่มาตอนเย็นเพราะได้ของกินติดมือชัวร์ครับ แอบโชว์สินค้าในร้านเราหน่อยละกันเพื่อนๆคงไม่ว่านะครับ



ให้ดูสามตัวละกันครับ งานอาจไม่สวยแต่ทำด้วยใจครับ เป็น handmade ที่ผู้ชายหน้าตากวนๆนั่งเย็บให้ดูครับ(แต่ผมไม่ได้เป็นเกย์หรือเป็นตุ๊ดนะ)

การเดินทางก็ไปมาสะดวกครับเพราะถนนคนเดินตั้งอยู่หน้าวัดพระงาม ด้านหลังองค์พระปฐมเจดีย์ ถ้านั่งรถเมล์จากกรุงเทพก็สาย83 จากสมุทรสาคร 402 ส่วนสายอื่นๆผมไม่แน่ใจนะครับแต่มันเป็นเส้นทางที่สามารถไปต่อได้ถ้าขากลับท่านแวะมาจากเมืองกาญจนบุรี หรือ ตลาดน้ำ ลองแวะมาดูสักครั้งซิครับ
ไม่ได้เขียนบล็อคมานานคิดถึงเพื่อนๆแย่เลยครับกลับมาครั้งนี้ ก็จะเอาข้อมูลใหม่ๆแปลกมานำเสนอให้ได้อ่านกันครับ จะเพิ่มหมวดแนะนำที่เที่ยว ของหน้ากินและความเป็นมา ถนนคนเดินแต่ละจังหวัดด้วยครับ