Blog Archive
-
►
2011
(1)
- ► 06/19 - 06/26 (1)
-
►
2010
(7)
- ► 10/24 - 10/31 (1)
- ► 09/19 - 09/26 (1)
- ► 09/12 - 09/19 (2)
- ► 08/22 - 08/29 (1)
- ► 08/15 - 08/22 (2)
-
▼
2009
(195)
- ► 12/06 - 12/13 (2)
- ► 11/22 - 11/29 (1)
- ► 11/15 - 11/22 (1)
- ► 08/23 - 08/30 (1)
- ► 08/16 - 08/23 (2)
- ► 08/09 - 08/16 (5)
- ► 08/02 - 08/09 (9)
- ► 07/26 - 08/02 (15)
- ► 07/19 - 07/26 (21)
- ► 07/12 - 07/19 (22)
- ► 07/05 - 07/12 (13)
- ► 06/28 - 07/05 (9)
- ► 06/21 - 06/28 (6)
- ► 06/14 - 06/21 (14)
- ► 06/07 - 06/14 (9)
- ► 05/31 - 06/07 (4)
- ▼ 05/24 - 05/31 (4)
- ► 05/17 - 05/24 (9)
- ► 05/03 - 05/10 (3)
- ► 04/05 - 04/12 (3)
- ► 03/29 - 04/05 (7)
- ► 03/22 - 03/29 (5)
- ► 03/15 - 03/22 (11)
- ► 03/08 - 03/15 (5)
- ► 03/01 - 03/08 (14)
Labels
- 100เรื่องความเป็นไทย (37)
- ข่าว (13)
- คลายเครียด (1)
- แค่อยากเล่า (41)
- โฆษณาดีๆ (4)
- จุดกำเนิด (3)
- ชุดไทยควรรู้ (8)
- ต้นกล้าอาชีพ (13)
- ตำนานโบราณ (18)
- ทริปริมทาง (7)
- นิยายดีๆ (5)
- บทความดีๆ (30)
- ภาพหาดูอยาก (6)
- รายการ วิกสยาม (7)
- หนังเก่าหน้าดู (1)
- หาเงินทางเน็ท (3)
- otopไทย (7)
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
ราชวงศ์ที่รวยที่สุดในโลก
05:11 | เขียนโดย
mikaalls |
แก้ไขบทความ
นิตยสารฟอร์บ เสนอบทความราชวงศ์ที่รวยที่สุดในโลก เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่าพระมหากษัตริย์ของไทยมีพระราชทรัพย์มากที่สุดในบรรดา 15 ราชวงศ์ที่อยู่ในทำเนียบการจัดอันดับของฟอร์บ
พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชแห่งราชอาณาจักรไทย ทรงอยู่ในลำดับสูงสุดของทำเนียบราชวงศ์ที่รวยที่สุดในโลกในปีนี้ โดยมีพระราชทรัพย์ประมาณการได้ล่าสุดกว่า 35 พันล้านเหรียญฯ (1.19 ล้านล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท: 34 ดอลลาร์) โดยพระราชทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นนี้สืบเนื่องจากความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้นของ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ลำดับที่ 2 คือ ชีค คาลิฟา บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน แห่งอาบูดาบี (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) มีพระราชทัพย์ประมาณ 23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ ความมั่งคั้งของพระองค์เกิดจากการที่เมืองอาบูดาบีเป็นเมืองที่มีแหล่ง น้ำมันสำรองคิดเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนั้นอาบูดาบียังมีชื่อเสียงเนื่องมาจากการลงทุนระดับแนวหน้าโดยบรรษัท ที่รัฐเป็นเจ้าของนั่นคือเงินลงทุน 7.5 พันล้านเหรียญฯ ในบริษัท Citibank
จากราย งานของฟอร์บส์นั้น พบว่าพระมหากษัตริย์หลายพระองค์มีพระราชทรัพย์ลดลง เนื่องจากผลกระทบที่ต่างๆ ไป เช่น สุลต่านแห่งบรูไน ซึ่งเป็นกษัตริย์จากเอเชียอีกเพียงประเทศเดียวที่เข้าทำเนียบราชวงศ์ที่รำ รวยของฟอร์บ ราชทรัพย์ของสุลต่านแห่งบรูไน (ทรัพย์สิน 20 พันล้านเหรียญฯ) ลดลงจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากต้องลดอัตราการผลิตน้ำมันเนื่องจากปริมาณสำรอง น้ำมันในประเทศบรูไนลดลง โดยฟอร์บระว่า กิจการน้ำมันนั้นเป้นมรดกตกทอดของราชวงศ์บรูไนซึ่งเป็นราชวงศ์มุสลิมซึ่งมี อายุกว่า 600 ปี
กษัตริย์โมฮัมมัดที่ 6 แห่งประเทศโมร็อกโก ขณะนี้มีทรัพย์สินรวม 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญฯ เนื่องจากภัยแล้งที่รุนแรงส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ชะลออยู่ที่ระดับ 2 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่กล่าวมานั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับ 6 ราชวงศ์จากประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งทำเงินส่วนใหญ่จากการค้าน้ำมัน
อันดับ ที่ 5 ชีค โมฮัมมัด บิน ราชิด อัล มาคทูม แห่งดูไบ ทรงมีพระราชทรัพย์สุทธิ 18 พันล้านเหรียญฯ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Dubai Holding ซึ่งมีการลงทุนใหญ่ๆ ในหลายบริษัท เช่น โซนี่ และบริษัทผลิตอาวุธ EADS และเมื่อเร็วๆ นี้กองทุนรวมเพื่อการลงทุนของชีคพระองค์นี้ได้ใช้เงิน 5 พันล้านเหรียญฯ เพื่อถือหุ้นในบริษัท MGM Mirage และ 825 ล้านเหรียญฯ เพื่อซื้อกิจการค้าปลีก Barneys New York
อันดับ 6เจ้าชายฮันส์ อาดัมที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์ มีพระราชทรัพย์ทรัพย์ประมาณการ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยที่ LGT Bank ซึ่งเป็นหล่งทุนหลักของพระองค์ (บริหารโดยราชวงศ์มากว่า 70 ปี)ตกเป็นเป้าในคดีหลีกเลี่ยงภาษีอันอื้อฉาว ซึ่งบริษัทของพระองค์ถูกกล่าวหาว่าช่วยเหลือลูกค้าฐานะดีหลายรายในการ “ซุกซ่อน” ทรัพย์สิน จากการสืบสวนของวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ พบว่าพระอนุชาของพระองค์ (เจ้าชายฟิลิป) มีส่วนเกี่ยวข้องในการนี้ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประธานของ LGT
เจ้า ชายอัลเบิร์ตที่ 2 แห่งโมนาโก เป็นกษัตริย์พระองค์เดียวที่ยังไม่อภิเษกสมรส และถูกร่ำลือว่าทรงส่งแฟนสาวของของพระองค์เข้าเรียนคอร์สติวเข้มภาษา ฝรั่งเศส พระองค์มีพระราชทรัพย์ประมาณ 1.4 พันล้านเหรียญฯ ประกอบไปด้วยอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นส่วนกิจการคาสิโนในโมนาโก พร้อมทั้งทรงวางแผนที่จะขยายพื้นที่ของประเทศ (ซึ่งมีขนาดเท่ากับ Central Park ในนิวยอร์ก) โดยการสร้างเขตปกครองใหม่ในทะเลซึ่งจะตั้งอยู่บนเสาขนาดมหึมา โครงการดังกล่าวนี้สร้างความวิตกกังวลแก่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่พอสมควร
กษัตริย์เพียงพระองค์เดียวที่ไม่ได้มีมีดินแดนครอบครอง (ในฐานะประมุขแห่งรัฐ) ก็คือ อากาข่าน (ทรงเป็นนักขี่ม้า) ถือเป็นผู้นำจิตวิญญาณของชาวมุสลิมอิสไมลิยาห์ (Ismaili Muslims) กว่า 15 ล้านคนที่กระจายอยู่ทั่วโลก มีพระราชทรัพย์สุทธิอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านเหรียญฯ เมื่อเร็วๆ นี้พระองค์ได้ซื้อหุ้นในบริษัทประมูลม้าที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ
พระ ราชินี 2 พระองค์ที่ติดอยู่มนทำเนียบของฟอร์บ กำลังถูกกล่าวขวัญเกี่ยวกับการสละราชสมบัติ โดยมีข่าวลือว่า พระราชินีบีทริกซ์แห่งเบลเยียม (อันดับที่ 14) จะสละราชบังลังก์เพื่อพระราชโอรส ในขณะที่พระราชินีอลิซาเบธแห่งอังกฤษ (อันดับที่ 12) ทรงวางแผนที่จะคำรงตำแหน่งต่อไป บดบังความหวังของพระราชโอรสอย่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ที่มุ่งจะครองราชบัลลังก์ในระยะเวลาอันใกล้นี้
ฟอร์บระบุ ว่า การประเมิณทรัพย์สินของราชวศ์นั้นต้องใช้ทั้ง ศาตร์และศิลป์ประกอบกันไป เนื่องด้วยความสัมพันธ์ระหว่างความมั่งคั่งของบุคคลกับรัฐนั้นมีลักษณะเฉพาะ ของแตกต่างกันไป
ตัวอย่างเช่น กษัตริย์มัสวาติที่ 3 แห่งสวาซิแลนด์ (อันดับที่ 15 ของโลก) เป็นผู้สืบทอด 2 กองทุนรวมที่สร้างขึ้นโดยพระราชบิดาในนามของ Swazi nation ในขณะที่พระองค์ทรงอยู่ในอำนาจนั้นพระองค์มีพระราชอำนาจโดยสมบูรณ์ที่จะใช้ จ่ายทรัพย์สิน ซึ่งนี่เองทำให้พระองค์ทรงสามารถสร้างพระราชวังสำหรับพระมเหสีแต่ละพระองค์ รวม 13 พระองค์ และทรงจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบวันเฉลิมพระชนมพรรษาอย่างสุดเหวี่ยงในหลายๆ วโรกาส หนึ่งในนั้นคือการฉลองครบรอบพระชนมายุ 40 พรรษาเมื่อไม่นานมานี้ซึ่งมีรายงานว่าใช้เงินมูลค่ากว่า 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (85 ล้านบาท)
ในประเทศอังกฤษ สินทรัพย์บางอย่างของราชวงศ์ เช่น พระราชวังบักกิ้งแฮม และเครื่องเพชรของราชวงศ์อังกฤษ (the British crown jewels) ให้ถือว่าเป็นของ British nation ไม่ใช่ของพระราชินีอลิซาเบธ ซึ่งสิ่งของที่กล่าวไปนั้นไม่ถูกนับรวมในโภคทรัพย์สุทธิของพระองค์ เพราะที่จริงแล้ว ความมั่งคั่งของพระองค์มาจากทรัพย์สินในอังกฤษและสก๊อตแลนด์ งานจิตรกรรมและประติมากรรม เครื่องประดับ และแสตมป์สะสมที่รวบรวมโดยพระอัยกา
ฟอร์บระบุว่าได้ ติดตามสถานะของราชวงศ์ระดับแนวหน้าจำนวนหนึ่งมาหลายปี (เช่น พระราชินีแห่งอังกฤษ และสุลต่านแห่งบรูไน) แต่การนำเสนอผ่านบทความดังกล่าวเป็นเพียงครั้งที่ 2 ที่เผยแพร่ทำเนียบราชวงศ์ที่ร่ำรวยที่สุดอย่างละเอียด แต่สถาบันกษัตริย์ของประเทศอย่างสเปนและญี่ปุ่นกลับพลาดที่จะเข้าร่วมการจัด อันดับไปอย่างน่าเสียดาย
15 ราชวงศ์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกซึ่งอยู่ในทำเนียบการจัดอันดับของฟอร์บ ยังคงถือครองความมั่งคั่ง แม้จะมีข้อตั้งแต่การหลีกเลี่ยงภาษี จนกระทั่งการยุบสภาผู้แทนราษฎรในประเทศสวาซิแลนด์และคูเวต โดยที่กลุ่มราชวงศ์เหล่านี้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็น131 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากปีที่ผ่านมามีพระราชทรัพย์รวมกันประมาณการที่ 95 พันล้านเหรียญฯ
ฟอร์บระบุว่า แม้ว่าราชวงศ์ต่างๆ จะถือครองความมั่งคั่ง แต่ก็พบว่าสาเหตุแห่งความมั่งคั่งนั้นหากไม่มาจากมรดกตกทอดก็มาจากพระราช อำนาจซึ่งผูกโยงกับความเป็นชาติและดินแดน และความมั่งคั่งนี้ก็จะกระจายไปในหมู่พระบรมวงศานุวงศ์ นี่เป็นเหตุผลที่การจัดอันดับมหาเศรษฐีของโลกที่ฟอร์บทำอยู่เป็นประจำไม่นำ เอากรณีของราชวงศ์ต่างๆมาจัดอันดับด้วย ไม่ว่าราชวงศ์เหล่านี้จะมีพระราชทรัพย์สุทธิสูงเพียงใดก็ตาม
ทั้ง นี้ ในช่วงต้นของบทความ ฟอร์บรายงานสถานะของกษัตริย์คเยนทรา แห่งเนปาลว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ประชาชนเนปาลได้ลงมติยกเลิกระบอบกษัตริย์ทั้งมีการกดดันให้กษัตริย์เคยนทรา ย้ายออกจากพระราชวังในกรุงกาฐมาณฑุ เนื่องจากพระราชวังดังกล่าวจะถูกใช้ทำพิพิธภันฑ์
พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชแห่งราชอาณาจักรไทย ทรงอยู่ในลำดับสูงสุดของทำเนียบราชวงศ์ที่รวยที่สุดในโลกในปีนี้ โดยมีพระราชทรัพย์ประมาณการได้ล่าสุดกว่า 35 พันล้านเหรียญฯ (1.19 ล้านล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท: 34 ดอลลาร์) โดยพระราชทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นนี้สืบเนื่องจากความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้นของ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ลำดับที่ 2 คือ ชีค คาลิฟา บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน แห่งอาบูดาบี (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) มีพระราชทัพย์ประมาณ 23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ ความมั่งคั้งของพระองค์เกิดจากการที่เมืองอาบูดาบีเป็นเมืองที่มีแหล่ง น้ำมันสำรองคิดเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนั้นอาบูดาบียังมีชื่อเสียงเนื่องมาจากการลงทุนระดับแนวหน้าโดยบรรษัท ที่รัฐเป็นเจ้าของนั่นคือเงินลงทุน 7.5 พันล้านเหรียญฯ ในบริษัท Citibank
จากราย งานของฟอร์บส์นั้น พบว่าพระมหากษัตริย์หลายพระองค์มีพระราชทรัพย์ลดลง เนื่องจากผลกระทบที่ต่างๆ ไป เช่น สุลต่านแห่งบรูไน ซึ่งเป็นกษัตริย์จากเอเชียอีกเพียงประเทศเดียวที่เข้าทำเนียบราชวงศ์ที่รำ รวยของฟอร์บ ราชทรัพย์ของสุลต่านแห่งบรูไน (ทรัพย์สิน 20 พันล้านเหรียญฯ) ลดลงจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากต้องลดอัตราการผลิตน้ำมันเนื่องจากปริมาณสำรอง น้ำมันในประเทศบรูไนลดลง โดยฟอร์บระว่า กิจการน้ำมันนั้นเป้นมรดกตกทอดของราชวงศ์บรูไนซึ่งเป็นราชวงศ์มุสลิมซึ่งมี อายุกว่า 600 ปี
กษัตริย์โมฮัมมัดที่ 6 แห่งประเทศโมร็อกโก ขณะนี้มีทรัพย์สินรวม 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญฯ เนื่องจากภัยแล้งที่รุนแรงส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ชะลออยู่ที่ระดับ 2 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่กล่าวมานั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับ 6 ราชวงศ์จากประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งทำเงินส่วนใหญ่จากการค้าน้ำมัน
อันดับ ที่ 5 ชีค โมฮัมมัด บิน ราชิด อัล มาคทูม แห่งดูไบ ทรงมีพระราชทรัพย์สุทธิ 18 พันล้านเหรียญฯ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Dubai Holding ซึ่งมีการลงทุนใหญ่ๆ ในหลายบริษัท เช่น โซนี่ และบริษัทผลิตอาวุธ EADS และเมื่อเร็วๆ นี้กองทุนรวมเพื่อการลงทุนของชีคพระองค์นี้ได้ใช้เงิน 5 พันล้านเหรียญฯ เพื่อถือหุ้นในบริษัท MGM Mirage และ 825 ล้านเหรียญฯ เพื่อซื้อกิจการค้าปลีก Barneys New York
อันดับ 6เจ้าชายฮันส์ อาดัมที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์ มีพระราชทรัพย์ทรัพย์ประมาณการ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยที่ LGT Bank ซึ่งเป็นหล่งทุนหลักของพระองค์ (บริหารโดยราชวงศ์มากว่า 70 ปี)ตกเป็นเป้าในคดีหลีกเลี่ยงภาษีอันอื้อฉาว ซึ่งบริษัทของพระองค์ถูกกล่าวหาว่าช่วยเหลือลูกค้าฐานะดีหลายรายในการ “ซุกซ่อน” ทรัพย์สิน จากการสืบสวนของวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ พบว่าพระอนุชาของพระองค์ (เจ้าชายฟิลิป) มีส่วนเกี่ยวข้องในการนี้ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประธานของ LGT
เจ้า ชายอัลเบิร์ตที่ 2 แห่งโมนาโก เป็นกษัตริย์พระองค์เดียวที่ยังไม่อภิเษกสมรส และถูกร่ำลือว่าทรงส่งแฟนสาวของของพระองค์เข้าเรียนคอร์สติวเข้มภาษา ฝรั่งเศส พระองค์มีพระราชทรัพย์ประมาณ 1.4 พันล้านเหรียญฯ ประกอบไปด้วยอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นส่วนกิจการคาสิโนในโมนาโก พร้อมทั้งทรงวางแผนที่จะขยายพื้นที่ของประเทศ (ซึ่งมีขนาดเท่ากับ Central Park ในนิวยอร์ก) โดยการสร้างเขตปกครองใหม่ในทะเลซึ่งจะตั้งอยู่บนเสาขนาดมหึมา โครงการดังกล่าวนี้สร้างความวิตกกังวลแก่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่พอสมควร
กษัตริย์เพียงพระองค์เดียวที่ไม่ได้มีมีดินแดนครอบครอง (ในฐานะประมุขแห่งรัฐ) ก็คือ อากาข่าน (ทรงเป็นนักขี่ม้า) ถือเป็นผู้นำจิตวิญญาณของชาวมุสลิมอิสไมลิยาห์ (Ismaili Muslims) กว่า 15 ล้านคนที่กระจายอยู่ทั่วโลก มีพระราชทรัพย์สุทธิอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านเหรียญฯ เมื่อเร็วๆ นี้พระองค์ได้ซื้อหุ้นในบริษัทประมูลม้าที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ
พระ ราชินี 2 พระองค์ที่ติดอยู่มนทำเนียบของฟอร์บ กำลังถูกกล่าวขวัญเกี่ยวกับการสละราชสมบัติ โดยมีข่าวลือว่า พระราชินีบีทริกซ์แห่งเบลเยียม (อันดับที่ 14) จะสละราชบังลังก์เพื่อพระราชโอรส ในขณะที่พระราชินีอลิซาเบธแห่งอังกฤษ (อันดับที่ 12) ทรงวางแผนที่จะคำรงตำแหน่งต่อไป บดบังความหวังของพระราชโอรสอย่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ที่มุ่งจะครองราชบัลลังก์ในระยะเวลาอันใกล้นี้
ฟอร์บระบุ ว่า การประเมิณทรัพย์สินของราชวศ์นั้นต้องใช้ทั้ง ศาตร์และศิลป์ประกอบกันไป เนื่องด้วยความสัมพันธ์ระหว่างความมั่งคั่งของบุคคลกับรัฐนั้นมีลักษณะเฉพาะ ของแตกต่างกันไป
ตัวอย่างเช่น กษัตริย์มัสวาติที่ 3 แห่งสวาซิแลนด์ (อันดับที่ 15 ของโลก) เป็นผู้สืบทอด 2 กองทุนรวมที่สร้างขึ้นโดยพระราชบิดาในนามของ Swazi nation ในขณะที่พระองค์ทรงอยู่ในอำนาจนั้นพระองค์มีพระราชอำนาจโดยสมบูรณ์ที่จะใช้ จ่ายทรัพย์สิน ซึ่งนี่เองทำให้พระองค์ทรงสามารถสร้างพระราชวังสำหรับพระมเหสีแต่ละพระองค์ รวม 13 พระองค์ และทรงจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบวันเฉลิมพระชนมพรรษาอย่างสุดเหวี่ยงในหลายๆ วโรกาส หนึ่งในนั้นคือการฉลองครบรอบพระชนมายุ 40 พรรษาเมื่อไม่นานมานี้ซึ่งมีรายงานว่าใช้เงินมูลค่ากว่า 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (85 ล้านบาท)
ในประเทศอังกฤษ สินทรัพย์บางอย่างของราชวงศ์ เช่น พระราชวังบักกิ้งแฮม และเครื่องเพชรของราชวงศ์อังกฤษ (the British crown jewels) ให้ถือว่าเป็นของ British nation ไม่ใช่ของพระราชินีอลิซาเบธ ซึ่งสิ่งของที่กล่าวไปนั้นไม่ถูกนับรวมในโภคทรัพย์สุทธิของพระองค์ เพราะที่จริงแล้ว ความมั่งคั่งของพระองค์มาจากทรัพย์สินในอังกฤษและสก๊อตแลนด์ งานจิตรกรรมและประติมากรรม เครื่องประดับ และแสตมป์สะสมที่รวบรวมโดยพระอัยกา
ฟอร์บระบุว่าได้ ติดตามสถานะของราชวงศ์ระดับแนวหน้าจำนวนหนึ่งมาหลายปี (เช่น พระราชินีแห่งอังกฤษ และสุลต่านแห่งบรูไน) แต่การนำเสนอผ่านบทความดังกล่าวเป็นเพียงครั้งที่ 2 ที่เผยแพร่ทำเนียบราชวงศ์ที่ร่ำรวยที่สุดอย่างละเอียด แต่สถาบันกษัตริย์ของประเทศอย่างสเปนและญี่ปุ่นกลับพลาดที่จะเข้าร่วมการจัด อันดับไปอย่างน่าเสียดาย
15 ราชวงศ์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกซึ่งอยู่ในทำเนียบการจัดอันดับของฟอร์บ ยังคงถือครองความมั่งคั่ง แม้จะมีข้อตั้งแต่การหลีกเลี่ยงภาษี จนกระทั่งการยุบสภาผู้แทนราษฎรในประเทศสวาซิแลนด์และคูเวต โดยที่กลุ่มราชวงศ์เหล่านี้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็น131 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากปีที่ผ่านมามีพระราชทรัพย์รวมกันประมาณการที่ 95 พันล้านเหรียญฯ
ฟอร์บระบุว่า แม้ว่าราชวงศ์ต่างๆ จะถือครองความมั่งคั่ง แต่ก็พบว่าสาเหตุแห่งความมั่งคั่งนั้นหากไม่มาจากมรดกตกทอดก็มาจากพระราช อำนาจซึ่งผูกโยงกับความเป็นชาติและดินแดน และความมั่งคั่งนี้ก็จะกระจายไปในหมู่พระบรมวงศานุวงศ์ นี่เป็นเหตุผลที่การจัดอันดับมหาเศรษฐีของโลกที่ฟอร์บทำอยู่เป็นประจำไม่นำ เอากรณีของราชวงศ์ต่างๆมาจัดอันดับด้วย ไม่ว่าราชวงศ์เหล่านี้จะมีพระราชทรัพย์สุทธิสูงเพียงใดก็ตาม
ทั้ง นี้ ในช่วงต้นของบทความ ฟอร์บรายงานสถานะของกษัตริย์คเยนทรา แห่งเนปาลว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ประชาชนเนปาลได้ลงมติยกเลิกระบอบกษัตริย์ทั้งมีการกดดันให้กษัตริย์เคยนทรา ย้ายออกจากพระราชวังในกรุงกาฐมาณฑุ เนื่องจากพระราชวังดังกล่าวจะถูกใช้ทำพิพิธภันฑ์
ป้ายกำกับ:
บทความดีๆ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น