ขับเคลื่อนโดย Blogger.


พอดีผมไปเจอบทความเกี่ยวกับหนังสือเรื่องนี้มาครับ เป็นหนังสือที่ผมเรียนสมัยเด็กๆพอผมเห็นปกมันครั้งแรกก็นึกถึงสมัยเด็กๆของผมตอนเรียนเลยครับผมเป็นรุ่นสุดท้ายที่เรียนหนังสือเล่มนี้และยอมรับ ว่าตอนนั้นผมไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไหร่แต่หนังสือวิชานี้ผมอ่านมันบ่อยที่สุด และทำให้ผมเริ่มอ่านหนังสือบ้างจากตอนแรกไม่ค่อยตั้งใจอ่านหนังสือบวกกับความขี้เกียจด้วย อิอิ ถ้าใครไม่ได้ดูรูปคงงงว่าเป็นหนังสืออะไร เป็นหนังสือภาษาไทยครับเรียนตั้งกะ ป.หนึ่งเลย ตอนนั้นวิชานี้ผมเกรดดีใช้ได้เลย หนังสือเรียนพวกนี้พิมพ์มาหลายล้านเล่มแต่เดียวนี้ลองไปเดินหาดูไม่ยักกะเจอ ก็ตั้ง20กว่าปีแล้วนี้นะ
ถ้าใครสนใจลองไปที่ [ ฮ. ฮูก ดอทคอม :: ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเด็กไทย ]
http://www.horhook.com/
ผมได้มาจากเว็บpantip อีกทีหนึ่งนะครับ
วันนี้ไปเจอคาถาจีบหญิงสมัยก่อนเลยเอามาให้ดูอาจเรียกว่ากลอนก็ได้มั้งไม่แน่ใจ
เกี้ยวผู้หญิงเปรี้ยวๆต้องเกี้ยวคล่อง
เกี้ยวผู้หญิงจองหองต้องขยัน
เกี้ยวผู้หญิงลวดลายต้องไล่ทัน
เกี้ยวผู้หญิงสามัญต้องอ้อนวอน
เกี้ยวผู้หญิงสมัยใหม่ต้องใจกล้า
เกี้ยวผู้หญิงมารยาอย่าใจร้อน
เกี้ยวผู้หญิงไก่แก่ต้องแง่งอน
เกี้ยวผู้หญิงใจอ่อนต้องอ่อนตาม
เกี้ยวผู้หญิงช่างพูดอย่าพูดมาก
เกียวผู้หญิงหุบปากต้องหมั่นถาม
เกี้ยวผู้หญิงนิ่มนวลอย่าลวนลาม
เกียวผู้หญิงรูปงามต้องวางโต
เกี้ยวผู้หญิงคนชั่วต้องสอนสั่ง
เกี้ยวผู้หญิงรวยตังค์ต้องทำโก้
เกี้ยวผู้หญิงนักศึกษาอย่าคุยโว
เกี้ยวผู้หญิงยะโสอย่าขัดใจ
เกี้ยวผู้หญิงรูปชั่วต้องยอยก
เกี้ยวผู้หญิงของตกต้องเก็บให้
เกี้ยวผู้หญิงใจร้อนต้องมือไว
เกี้ยวผู้หญิงบ้านไกลต้องหมั่นเยือน
เกี้ยวผู้หญิงเดินทางต้องเงินหนัก
เกี้ยวผู้หญิงอกหักต้องเป็นเพื่อน
เกี้ยวผู้หญิงรุ่นน้องต้องหมั่นเตือน
เกี้ยวผู้หญิงที่เป็นเพื่อนต้องใจเย็น
เกี้ยวผู้หญิงชนิดใดก็ไม่ว่า
อย่าไปเกี้ยวเมียเค้าให้ผัวเห็น
ประเดี๋ยวเลือดหัวจะกระเซ็น
ตัวกระเด็นตกบ้านเท่านั้นเอย.......
ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง..มีเพื่อนต่างเพศอยู่คู่หนึ่ง เป็นเพื่อนที่รักกันมากฝ่ายชายจะเดินไปส่งฝ่ายหญิงที่บ้านเสมอทุกวัน

เวลาผ่านไป จนทั้ง สองอยู่ มหาวิทยาลัยฝ่ายหญิงเริ่มไปแอบชอบ ผู้ชายคนนึง และได้ถามเพื่อนชายว่า

"นี่ เธอ ว่า เค้าเหมาะกับเราไหม"
"เค้าก้อ หล่อดีนะ นิสัยก็ดีด้วย "
"เหรอ! อืม อยากให้เค้ามานั่งอยู่ข้างๆ เราจังเลยเนอะ"

ต่อมาไม่นาน หญิงสาวก็ได้เป็นแฟน กับผู้ชายคนนั้นจริงๆวันนึงหญิงสาวบอกกับ เพื่อนชายของตนว่า"นี่ เธอ ไม่ต้องมาส่งเราทุกวันแล้วแหละ ตอนนี้เค้าจะมาส่งเราแล้ว เราไม่อยากให้ เค้าเข้าใจ ผิดน่ะ""อืม" ฝ่าย ชายตอบรับ และเขาก็ไม่ได้ไปส่งหญิงสาวอีก

ต่อมาหญิงสาวเกิดทะเลาะกับแฟน ของตนจึงมาปรึกษาเพื่อนชายว่า
"เธอ! เด๋ว นี้เขาไม่ค่อยสนใจเราเลยแหละ เธอว่า... เราจะทำอย่างไร ดีหล่ะ!"
"ก้อ เธอ ยังรักเค้าอยู่หรือป่าวหล่ะ" ฝ่ายชายถาม
"ก้อรักสิ และก้อรักมากด้วย"
"ถ้าอย่างนั้น ก็มอบความรักให้เขาต่อไปสิ ก้อเธอรักเค้านี่หน่า"
"อืม ม" หญิงสาวทำตามคำแนะนำของเพื่อนชาย

หลังจากนั้น ... วันหนึ่ง
ระหว่างที่เพื่อนชายหนุ่ม เดินกลับบ้าน เค้าเห็นหญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง
"เธอ เป็น อะไรหน่ะ ทำไมถึงร้องไห้ มีอะไรให้เราช่วยไหม"
"เค้าไม่ รักเราเลยหล่ะ เขาเปลี่ยนไป เด๋วนี้เขาไม่เคยมาส่งเรา ที่บ้านเลย"
"แล้วเราจะ ช่วยอะไรเธอได้บ้างหล่ะ"
"ช่วยอยู่ กับเราซักพักได้ไหม?" หญิงสาวร้องขอ
“ก้อได้ซิ! ทำไมจะไม่ได้หล่ะ”

ทั้งสองได้นั่งอยู่ด้วยกัน โดยไม่พูดจาอะไรกันเลย ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ย ขึ้นมาว่า
"เราควรจะ ทำอย่างไรดี เธอจะช่วยบอกเราได้ไหม ว่าเราควรจะทำอย่างไรดี"
"เธอยังรัก..เขาอยู่หรือป่าวหล่ะ"
"รักสิ เรา รักเค้ามากเลย แต่เค้า ไม่รักเราเลยนี่หน่า" หญิงสาวร้องไห้โฮ
"แต่เธอก็รัก..เขาไม่ใช่เหรอ"

และชายหนุ่มก็ไปส่งหญิงสาว ที่บ้านอย่างที่เคยทำมาแต่ก่อน
"ถ้า เมื่อไหร่...ก็ตาม ที่เธออยากให้เรามาส่งเธอที่บ้าน อย่าลืมเรียกเรา นะ"
"อืม" และ หญิงสาวก็เดินขึ้นบ้านไป

ต่อมาวันหนึ่งชายหนุ่มได้ รับโทรศัพท์จากหญิงสาว
"เราไม่ไหวแล้ว ช่วยมารับเราที"

เสียงของหญิงสาวดูช่าง อ่อนล้า และหมดกำลัง เธอกำลังร้องไห้อย่างฟูมฟายอยู่ ชายหนุ่มได้ไปหาเธอและพาเธอมาส่งบ้านเธอยังคงถามชายหนุ่มนั้น เหมือนที่เคยถามมา ...

"เราจะทำอย่างไรต่อไปดี เราไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว..ดูยังไงๆ เขาก็เหมือนไม่ได้รักเราเลย”
"แล้วเธอเลิก รักเค้าแล้วเหรอ"
"ป่าว! เรา ยังรักเค้ามาก เรายังรักเขาอยู่เหมือนเดิม"
"งั้นก็ เหมือนที่เราเคยพูดไว้ จงรักเขาต่อไป..แม้มันจะเจ็บบ้างก็ตาม

เพราะมันไม่สำคัญหรอกว่า เขาจะรักเธอไหม..? แต่ถ้าเธอยังรักเขา เธอก็คงทำได้แค่เพียงรักเขา...และจงรักเขาให้มากกว่าเดิม เพื่อแสดงให้เขารู้ว่าเธอรักเขามาก และก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง มีแต่เพิ่มมากขึ้น"อือ ม..แล้วหญิงสาวก็เดินขึ้นบ้านไป และในที่สุดวันที่เธอเรียนจบก็มาถึง เพื่อนชายหนุ่มของเธอมาแสดงความยินดีกับเธอ เธอรู้สึกแปลกใจมาก ที่เพื่อนชายหนุ่มของเธอ ยังเรียนไม่จบ เธอถามเขาว่า ทำไม..? ชายหนุ่มตอบว่า เขาขี้เกียจไปหน่อย ทำให้เขาต้องเรียนซ้ำวิชาหนึ่งจึงยังเรียนไม่จบ หญิงสาวแปลกใจ เพราะตลอดมา ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนขยันแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ..

และต่อมาไม่นานแฟนของหญิงสาวก็ได้มาขอเธอแต่งงาน เนื่องด้วยเห็นถึงความรักที่หญิงสาวมีให้หญิงสาวจึงได้ไปชวนเพื่อนชาย เพื่อให้มางานแต่งของเธอ
"เราไม่ว่างจริงๆ เราติดธุระน่ะ! ขอโทษด้วยนะ"

เพื่อนชายตอบเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หญิงสาวโกรธและเสียใจที่เพื่อนชายไม่ยอมมางานแต่ง จึงวางหูกระแทกไป แต่หญิงสาวก็ต้องประหลาดใจ เมื่อวันที่เธอแต่งงาน ชายหนุ่มได้มาปรากฎตัวก่อนที่งานแต่งจะจบลง

"ยินดีด้วยนะ เรามาแล้วหล่ะ"

หญิงสาวดีใจมากที่เห็นเพื่อนชายของเธอมาถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม เธอรู้สึกมีความสุขมาก ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมาไม่ได้ และเพื่อนชายก็พูดว่า เธอมีอะไรให้เราช่วยไหม..?ยิ่งทำให้เธอร้องไห้หนักกว่าเดิม..

...........................

ต่อมาหญิงสาวก็มีความสุข กับชีวิตแต่งงานของเธอ จนไม่มีเวลาได้ติดต่อกับเพื่อนชายอีกเลย จนวันหนึ่งหญิงสาวได้ทะเลาะกับสามีของตน หญิงสาวไม่รู้จะไปปรึกษาใคร จึงนึกถึงเพื่อนชายขึ้นมา แม้ว่าหญิงสาวจะโทรไปหาเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถติดต่อกับชายหนุ่มคนนั้นได้เลย เธอจึงโทรไปหาเพื่อนของชายหนุ่มคนนั้นเพื่อนของชายหนุ่มเล่าว่า ชายหนุ่มเป็นโรคร้าย เขาไม่สามารถไปไหนได้ ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล... มาร่วมหลายเดือนแล้ว หญิงสาวตกใจมาก ถามว่า..เขาเป็นอะไร? เพื่อนชายหนุ่มบอกว่า อาการเขากำเริบ เพราะวันที่ชายหนุ่มต้องมาผ่าตัด ชายหนุ่มดัน ...หายตัว ไปเฉยๆ โดยไม่มีใครรุ้ และเพื่อนของชายหนุ่ม ก็ยังบอกอีก ว่า ..."มันเป็นนิสัยเสียของมันหน่ะ มันชอบหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ ในช่วงเวลาสำคัญๆ คราวที่แล้วตอนสอบไล่ มันก็หายตัวไปจากห้องสอบเฉยเลย ไม่รู้มันหายไปไหน..ถามใคร ก็ไม่มีใครรู้”หญิงสาวตกใจมาก เลยขอที่อยู่ของโรงพยาบาลที่ชายหนุ่มรักษาตัว หญิงสาวไปเยี่ยมชายหนุ่มที่โรงพยาบาล เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ต้อง ตกใจ ! ชายหนุ่มที่เคยดูแข็งแรง กับผอมซูบ ไม่มีแรง เมื่อชายหนุ่มเห็นเธอก็ดีใจ ทักทายเธอเป็นการใหญ่

"เป็นอย่างไรมั่ง ไม่เจอกันตั้งนานเลยน่ะ"

หญิงสาวนิ่งเงียบซักพัก น้ำตาหญิงสาวก็ไหลออกมา

"อ้าวร้องไห้ทำไมหล่ะ เธอหน่ะ ไปทะเลาะกับแฟนมาอีกแล้วเหรอ

จะให้เราช่วยอะไรไหม...?

แต่เราก็คงจะแนะนำเธอไม่ได้เหมือนเดิมนะ"

หญิงสาวเข้าไปหาชายหนุ่ม แล้วก็บอกกับชายหนุ่มว่า

“วันที่เธอ มารับเราเป็นวันสอบไล่เธอใช่ไหม..?"

ชายหนุ่มทำหน้าตกใจและไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น กลับนิ่งเงียบไป หญิงสาวจึงพูด ต่อ...

"และวันที่ เธอต้องผ่าตัดใหญ่ เธอกลับมางานแต่งงานของเราใช่ไหม..?"

ชายหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว กลับนิ่งเงียบกว่าเดิม

หญิงสาวเข้าไปกอดชายหนุ่ม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ

"ตลอดเวลา เรารักแต่คนอื่น มองแต่คนอื่นเรากลับไม่รู้เลยว่าเธอรักเรามากแค่ ไหน

เรารู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ ไม่ได้รักเธอมากกว่านี้"

ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแล้วก็บอก

กับหญิงสาวด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า

"เราบอกเธอ แล้วไง..ถ้าเรารักใครสักคน เราก็ต้องรักเขาให้มากๆและมากขึ้นกว่าเดิม มันไม่สำคัญหรอก..ว่าเขาจะรักเราหรือไม่ มันสำคัญแค่เพียงว่า..เรายังรักเธออยู่หรือเปล่า แค่เราสามารถช่วยเธอได้ นั่นมันก็เป็นความสุขของเราแล้ว ต่อให้เราจะเจ็บสักแค่ไหน..เราก็ยังรักเธอต่อไป และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลง..หญิงสาวรู้สึกเสียใจมาก นั่งร้องไห้โฮ...อยู่ที่ตักของชายหนุ่ม ชายหนุ่มจึงพูด... ขึ้น ว่า"ถ้าเราหาย เมื่อไหร่... เราจะไปส่งเธอที่บ้านอีกนะ"

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านชุมชนสารภาณนิมิต เขตเทศบาลเมือง จ.นครพนม ว่าจะมีพิธีแต่งงานของบ่าวสาวคู่รักต่างวัย โดยฝ่ายหญิงอายุกว่า 70 ปี ส่วนเจ้าบ่าวมีอายุแค่ 20 กว่าปีเท่านั้น เป็นที่ฮือฮาของชาวบ้าน และแขกเหรื่อที่จะมาร่วมงาน ซึ่งงานมงคลคู่รักต่างวัดจะมีขึ้นที่บ้านเลขที่ 89 ถนนสารภาณนิมิต ภายในชุมชนสารภาณนิมิต

ฝ่ายเจ้าสาวคือ นางทองสุข พุทธวันท์ อายุ 73 ปี ขณะเจ้าบ่าวผู้ตกหลุมรักหญิงต่างวัย คือ นายสมพร จันทรวงศ์ อายุ 26 ปี ทำงานเป็นลูกจ้างโรงงานน้ำดื่มเรนโบว์ อยู่ใกล้บ้านเจ้าสาวไม่ถึง 100 เมตร ในงานเครือญาติมาร่วมยินดีกันพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นกัน

หลังประกอบ พิธีพราหมณ์เสร็จแล้ว เจ้าบ่าวและเจ้าสาวผลัดเปลี่ยนกันสวมแหวน นับเงินสินสอดเป็นธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท 20 ฉบับ จำนวน 20,000 บาท และแหวนทองน้ำ หนัก 6 สลึง จากนั้นนายสวย สาผาง พราหมณ์ในพิธี นำไข่ต้ม 1 ฟอง แบ่งครึ่ง ป้อนไข่อ้ายด้วยมือขวาเข้าปากเจ้าบ่าว และป้อนไข่นางด้วยมือซ้ายให้เจ้าสาว ตามความเชื่อว่าให้อยู่กันยืดยาว ก่อนที่ทั้งคู่จะผลัดกันหอมแก้มกันคนละ 3-4 ครั้ง เป็นที่ฮือฮากันของแขกเหรื่อ

นางทองสุข เจ้าสาว กล่าวว่า เคยแต่งงานมีสามีตั้งแต่อายุ 18 ปี มีลูกด้วยกัน 4 คน เสียชีวิต 1 คน ปัจจุบันเหลือลูกสาว 3 คน คือนางแดงต้อย ยอดวิเศษ อายุ 55 ปี นางตุ๊กตา จันโททัย อายุ 51 ปี และ นางฐานเอื่อย ฮามแก้ว อายุ 35 ปี ทุกคนมีครอบครัวกันหมดแล้ว ส่วนอดีตสามีเสียชีวิตแล้วเมื่อ 30 ปีก่อน หลังพบรักครั้งแรกในแคมป์ทหารจีไอ ที่สนามบินนครพนม ขณะนั้นทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในบาร์นาน 11 ปี

เจ้าสาววัย 73 ปี กล่าวถึงวันพบกับเจ้าบ่าวรุ่นคราวหลานว่า หลังครองโสดมานานกว่า 20 ปี เคยมีพ่อค้า คหบดี นักการเมืองหลายคนมารุมจีบ แต่ไม่เคยสนใจ จนกระทั่งเมื่อเดือนมี.ค.2552 พร้อมด้วยญาติ 5-6 คน ไปกินอาหารที่ร้านลำพูนปลาเผาริมโขง ก็ได้พบรักกับนายสมพร ซึ่งทำงานเป็นเด็กเสิร์มาพูดคุยกยอกล้อเชิงชู้สาว และยังตื้อขอเบอร์โทรศัพท์ จากนั้นจึงติดต่อพูดคุยกันทางโทรศัพท์เรื่อยมา เจ้าบ่าวมีนิสัยร่าเริงพูดคุยเก่ง และปากหวาน จะสอบถามทุกข์สุขห่วงใยว่ากินยา กินข้าว นอนแล้วหรือยังเป็นประจำ เขาเป็นเด็ก แต่ห่วงเราเหมือนเป็นพ่อคนที่ 2

“เมื่อความรักเริ่ม สุกงอม จึงพาญาติไปดูตัวเจ้าบ่าวที่ อ.ท่าอุเทน และขออนุญาตลูกสาว 3 คน ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร ลูกสาวคนโตยังมาช่วยทำพานบายศรีให้แม่ด้วยซ้ำ เรา 2 คนรักและเข้าใจกันไม่มีใครจะขัดขวางได้ อะไรจะเกิดก็ไม่สนใจ เพียงแต่ลูกๆ ขอร้องห้ามจัดงานสมรสอย่างเอิกเกริก เพราะกลัวชาวบ้านจะนินทา และลูกยังห่วงฝ่ายชายมาหลอก” เจ้าสาววัย 73 ปี กล่าว
ส่วน นายสมพร กล่าวสั้นๆ ว่า เคยมีแฟนมาแล้วแต่ถูกหักอก ชอบนิสัยเจ้าสาว คบกันมา 3 เดือน จึงเกิดเป็นความรัก จึงนำนางแตง ผู้เป็นแม่มาสู่ขอตามประเพณี

ผู้ สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในอดีต สมัยที่นางทองสุขเป็นวัยแรกรุ่น มีหน้าตาสวย เคยประกวดนางงามและรางวัลเทพพต่างๆ มาแล้ว โดยเมื่ออายุ 16 ปี เข้าประกวดนางงามต้นเทียนพรรษาได้ที่ 2 พออายุ 17 ปี ได้รางวัลที่ 3 นางงามเทพี และตอนอายุ 19 ปี ได้ที่ 3 จากกาประกวดนางงามตำรวจ ล่าสุดเข้าประกวดคุณแม่สงกรานต์ เมื่อปีพ.ศ.2551 คว้าที่ 1 และยังได้รับโล่แม่ดีเด่น ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคม เนื่องในวันแม่แห่งชาติปีพ.ศ.2550 พร้อมโล่รางวัลของชมรมสื่อมวลชนนครพนม ในด้านสังคมและบริการ เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2552
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ข่าวสด
นานๆที่จะนำข่าวมาสักครั้งวันนี้ก็ขอตามกระแสนะครับ
ชิคุนกุนยา" ลาม 23 จังหวัด ป่วย 20,541 รายแล้ว ล่าสุดพบผู้ป่วยในเมืองกรุง 2 ราย ขึ้นเหนือที่พะเยาอีก 1 ราย กรมควบคุมโรคยันยังไม่พบผู้เสียชีวิต พร้อมระดมเจ้าหน้าที่ เครื่องมือฉีดพ่น น้ำยา กำจัดยุงลาย ทุกสัปดาห์ เหตุฝนตกบ่ายชะล้างน้ำยาออกหมด ประสานกทม.ให้เจ้าหน้าที่อยู่ช่วยพ่นหมอกควันต่อ เหตุสถานการณ์น่าห่วง แต่มั่นใจจะสามารถควบคุมการระบาดได้ เรียกประชุมสสจ.อบต.หารือมาตรการควบคุมเข้มอีกรอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์โรคชิคุนกุนยา ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-19 พ.ค. มีผู้ป่วยต้องสงสัยโรคชิคุนกุนยาสะสม 20,541 ใน 23 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 2 ราย นนทบุรี 1 ราย สระบุรี 2 ราย นครปฐม 1 ราย สุพรรณบุรี 1 ราย สมุทปราการ 2 ราย มุกดาหาร 1 ราย ศรีษะเกษ 1 ราย อุดรธานี 1 ราย อำนาจเจริญ 2 ราย พะเยา 1 ราย เพชรบูรณ์ 1 ราย สุราษฎร์ธานี 1 ราย นครศรีธรรมราช 9 ราย ตรัง 582 ราย พัทลุง 147 ราย กระบี่ 5 ราย ภูเก็ต 5 ราย ปัตตานี 2750 ราย ยะลา 1925 ราย นราธิวาส 6599 ราย สงขลา 7988 ราย สตูล 97 ราย ยังไม่พบผู้เสียชีวิต

ผู้ที่คิดออก ลอตเตอรี่ เป็นคนแรกในเมืองไทยนั้นคือ มิสเตอร์ เฮนรี่ อลาบาสเตอร์ (ต้นตระกูล "เศวตศิลา") ชนชาติอังกฤษ เป็นผู้นำการออกสลากแบบยุโรบมาเผยแพร่เป็นคนแรก โดยเรียกว่า ลอตเตอรี่
ปัจจุบัน กลายเป็นของยอดฮิตไปแล้วครับสำหรับแม่ผมนะซื้อได้ทุกงวดจริงซิน่า

ลองถามวัยรุ้นในสมัยนี้ดูนะครับว่ามีใครรู้ใหมว่าถนนสายแรกของประเทศไทยคือถนนสายอะไรผมว่ามีหลายคนที่ไม่รู้ครับ ถนนสายแรกในเมืองไทยคือถนนเจริญกรุง สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2404 โดยต่อมาได้มีการตัดถนนบำรุงเมือง ถนนเฟื่องนคร รวมทั้งถนนพระราม4และถนนสีลมในเขตชาลพระนคร
แต่มีอีกอย่างที่ผมรู้แน่ๆครับรถติดถนนสายนี้นานพอควรครับ

ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาหลายคนที่มุ่งมั่นในการทำเงินทางอินเทอร์เน็ต แม้ว่าวันนี้เป้าของเรายังไม่สำเร็จ หลายคนกำลังได้รับประสบการณ์อันแสนเจ็บปวด จนอาจเกิดการท้อใจแล้วล่ะก็ ผมอยากจะนำบทความด้านล่างนี้มอบให้เป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆพี่ๆทุกคน เพื่อที่ว่าในปีหน้านี้ถ้าเมื่อใดก็ตามที่เกิดปัญหากัีบชีวิต ก็ขอให้นึกถึงเรื่องราวข้างล่างนี้นะครับ จะได้มีแฮงใจ๋ สูกันต่อไป

เพราะชีวิตคนเรามีแค่ 21,900 วันเท่านั้น
คนเราอายุเฉลี่ย 60 ปี

1 ปี เท่ากับ 365 วัน
แสดงว่าแต่ละคนมีเวลาบนพื้นโลก 21,900 วัน
คิดปลีกย่อยไปกว่านั้นก็ 525,600 นาที
ลองนับเป็นสัปดาห์ อืม...ไม่เลว 3,120 สัปดาห์

แสดงว่า เรามีโอกาสเที่ยวในคืนวันเสาร์สามพันกว่าครั้งเท่านั้นเอง คิดแบบนี้แล้วไม่กล้าดูนาฬิกา
แทบเบือนหน้าจากปฏิทิน เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการนับแถวหลังเพื่อรอวันลาโลก

เปล่าเลย ผมไม่ได้กลัวตาย ตรงกันข้าม ผมคิดว่าตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้มันน้อยมาก
หากคำนวณในเชิงตัวเลข ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน เพลงอีกหลายเพลงที่ยังไม่ได้ฟัง
หนังอีกหลายเรื่องที่ยังไม่เคยดู ความรู้สึกในใจมากมายที่ยังไม่เคยบอก
พื้นที่อีกหลายล้านตารางกิโลเมตรที่ยังไม่เคยไป

โอ๊ย...กลุ้ม สองหมื่นกว่าวันที่เราได้รับมามันน้อยเกินไปจริงๆ
และที่น่ากลุ้มไปกว่านั้น คือ ใช่ว่าทุกคนจะอยู่ถึง 60 ปี

แน่นอน 1 ปี ยังเท่ากับ 365 วัน
นั่นแสดงว่า บางคนไม่ได้มีเวลาอยู่บนพื้นโลกถึง 21,900 วันหรอกนะ
อาจไม่ถึง 3,120 สัปดาห์ซะด้วยซ้ำ
อุแม่เจ้า... 2 คืนวันเสาร์ที่จะได้ไปเที่ยวเหลือไม่ถึงสามพันแล้วเหรอเนี่ย

คิดแบบนี้แล้วต้องรีบยกนาฬิกาขึ้นมาดู กางปฏิทินออกกว้างๆ
เพราะนี่คือวันเสาร์ที่เราเหลือ...บนพื้นโลก


นี่เรากำลังอ่านอะไรบ้าบอ อยู่เนี่ยคิดมากไร้สาระ ฟุ้งซ่าน(รู้นะว่าพวกเธอคิดอยู่) ....
ไม่เลย นี่ไม่ใช่ปรัชญางี่เง่าอะไรทั้งนั้น หากเป็นความจริงที่เราไม่ค่อยได้มองมัน เอาล่ะ นี่คือ เรื่องจริงเรื่องหนึ่ง
ที่คนส่วนใหญ่มองข้ามมันไป งั้นสมมติว่าทุกคนอายุ 18 ปี แปลว่าใช้ชีวิตมาแล้ว 6,235 วัน และผ่านคืน
วันเสาร์มา ร้อยกว่าครั้ง ส่วนหน่วยนาทีนั้น...คำนวณเองบ้างซิว้อย!!!

เอาเวลาที่ใช้ไปนั้น หักลบกับเวลาที่(คาดว่าน่าจะ)เหลืออยู่ผลลัพธ์ที่ได้ เราจะยังไงกับมันดี


แต่น่าแปลก หลายคนยังยอมทำงานน่าเบื่อ นั่งเอาหัวตากแอร์ไปวันๆ ยอมให้คนที่ไม่ใช่พ่อใช่แม่จิกหัวใช้
เพื่ออะไรบางอย่างที่เราเรียกว่า เงินเดือน

บางคนทนเรียนอะไรก็ไม่รู้อยู่ 4 ปี ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าชอบหรือเปล่า รู้แต่ว่าแม่ชอบ ไม่ก็เห็นเพียงว่า
เพื่อนเรียน เพียงแค่ตอบตัวเองไม่ได้ว่าผมจะเป็นอะไรดี

บางคนแอบรักเขา ซุ่มเลิฟอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ความรู้สึกที่ดีลอยไปหาคนอื่น แต่กลับปล่อยให้หัวใจตัวเอง
เหลือแต่ความรู้สึกต่ำต้อยได้ทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน

บางคนกินทิฐิเป็นอาหาร เก๊กใส่กันไปวันๆ ต่างฝ่ายต่างรอให้อีกฝ่ายง้อ คุณแน่ ผมแน่ งอนการกุศล
ประชดทำลายสถิติ เชิดหยิ่งชิงชนะเลิศ...ไอ้บ้า!!!

และอีกหลายคนนิยมกิจกรรม 'ฆ่าเวลา' ... ชีวิตมันว่างจัด ขนาดต้องนั่งฆ่าเวลากันเลย
บอกตรงๆ เห็นแล้วอยากตบกบาล เอ็งกำลังทำลายทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่มนุษย์ทุกคนพึงจะมี


อีกหน่อยเราก็ตายจากกัน...แล้วนะ


ลองคิดแบบนี้บ้าง...ใช่แล้ว...เราจะเกิดความเสียดายเพราะเหลืออีกหมื่นแสนล้านอย่างที่เราไม่ได้ทำ


ตายได้ยังไงหากฝันไม่สำเร็จ...ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ยอมตาย
แต่ให้รีบทำทุกอย่างก่อน ที่จะตาย...ซึ่งจะเป็นวันไหนก็ไม่รู้


เคยสงสัยมั้ย... ทำไมเราถูกกำหนดไม่ให้รู้วันตายของตัวเองเพราะมันจะทำให้เราไม่แยแสทุกสิ่งทุกอย่าง
และตอบสนองความต้องการของตัวเอง ทั้งในทางดีและทางชั่ว

และในเมื่อเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...มาเตรียมการรอรับวาระสุดท้ายของเราดีกว่า เอาแบบว่าถ้าตาย
วันพรุ่งนี้ก็จะได้นอนตาหลับ เกิดโชคดีไม่ตายขึ้นมาเราก็จะได้กำไรในการอยู่ต่อเพื่อทำสิ่งดีที่ยังค้างคา


ใช้ชีวิตโดยคิดซะว่า...พรุ่งนี้ชั้นจะตายแล้ว
ทำในสิ่งที่เรารัก เสมือนว่าเราจะไม่ได้ทำมันอีก
ตามฝันของเราไปสุดโต่ง...ต้องรีบแล้ว...เดี๋ยวตายยนะ...เตือนแล้วไง

รักให้หมดใจ บอกเขาไปทั้งหมดที่ความรู้สึกมี ส่วนจะรักหรือไม่รักผม ไม่สนว้อย...
เพราะพรุ่งนี้ชั้น(อาจจะ)ตายแล้ว

ใช้เวลา(ที่อาจจะ)สุดท้ายที่มีต่อกันไว้ กอดกันเหมือนว่านี่เป็นกอดสุดท้ายของเรา
นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะอย่างน้อยๆ เราจะได้มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มตอยให้สัมภาษณ์ยมบาล


คนข้างบ้านเดินหน้าแป้นแล้นมาบอกกข่าวดี ลูกสาววัย 23 กำลังจะแต่งงาน ในมือมีซองสีชมพูพร้อม
การ์ด ลูกสาวอยู่ต่างจังหวัดกับคู่หมั้น แม่เลยต้องมาแจกการ์ดเอง แต่เมื่อกี๊นี้ว่าที่เจ้าสาวเพิ่งโทร.มา
ปรึกษาแม่เรื่องชุดแต่งงาน หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง เธอตาย... แต่กว่าที่คนเป็นแม่จะได้รู้ข่าวร้าย ก็
ปาไป 5 วัน ซองในมือผมกลายเป็นเงินช่วยงานศพ ช่อดอกไม้กลายเป็นพวงหรีดและทั้งหมดกลายเป็น
แรงบันดาลใจที่อยากจะบอกว่าอีกหน่อยเราก็ตายจากกัน...แล้วนะ

25 วิธีมีความสุข ไม่ใช่เรื่องยากหากต้องการใช้ชีวิตให้เต็มที่

ถ้า อยากมีความสุข คุณต้องรู้จักซึมซับความรู้สึกอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นความโศกเศร้าหรือความโกรธที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมทั้งยอมรับในสิ่งที่คุณมีและสถานภาพที่คุณเป็น เพื่อจะได้มีความสุขกับชีวิตมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

หากคุณหาสาเหตุ ไม่ได้ว่าทำไมจึงไม่มีความสุขทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ลำบากยากแค้นอะไร ลองอ่านข้อคิดต่อไปนี้เพื่อจะได้ระลึกว่า "เราเองก็มีชีวิตที่ดีทีเดียว"
1 คิดใหม่ ใช้ชีวิตราวกับว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย คนที่ป่วยหนักหรือเผชิญกับอุบัติเหตุใกล้ตาย เห็นโศกนาฏกรรมหรือสูญเสียบุคคลผู้เป็นที่รักมักมีมุมมองชีวิตที่ต่างออกไป หลายคนบอกว่าจะไม่ปล่อยเวลาให้สายเกินไปอีกแล้ว จะท่องเที่ยวไปในโลกกว้างหรือติดต่อพบปะเพื่อนฝูง เราทุกคนก็ควรตระหนักว่าอาจไม่มี "พรุ่งนี้" ก็ได้

2 จดบันทึก เขียนเล่าถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณทุกวัน การจดบันทึกยังช่วยแก้ปัญหาและขจัดเรื่องไม่ดีที่รกสมองออกไปได้ด้วย ลองเริ่มเขียนตั้งแต่วันนี้ รับรองได้ผลแน่

3 มองในแง่มุมอื่นบ้าง ลองคิดว่าคุณอยากให้คนอื่นจดจำคุณในด้านใด หรือหากวันหนึ่งต้องเล่าเรื่องชีวิตตนเองให้หลานๆ ฟัง คุณจะเล่าอะไร คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุกสัปดาห์และถูบ้านทุกวันหรือ แล้วที่คุณพลาดการแสดงละครของลูกที่โรงเรียนเมื่อปีที่แล้วเพราะติดประชุม เล่า ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อมองย้อนกลับไป

4 อย่าให้เรื่องเล็กน้อยกวนใจ ไม่คุ้มหรอกที่จะหัวเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง หากคนขับรถคันข้างๆ ไม่ยอมให้คุณเบียดเข้าเลนก็ยิ้มและโบกมือให้เขาไปเลย แล้วจะหงุดหงิดไปทำไมหากพลาดรถเที่ยวเช้า หากาแฟดื่มขณะนั่งรอคันต่อไปดีกว่า

5 ทำงานยากให้เสร็จ ลงมือได้แล้วอย่าผัดวันประกันพรุ่ง โอ้เอ้ไปก็มีแต่ทำให้หนักใจเหนื่อยกาย ไหนๆ งานนี้ก็ต้องทำโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง ก็น่าจะทำให้เสร็จแทนที่จะมัวกังวลและคิดจนรกสมอง

6 เลิกทำตัวจำเจ ชีวิตคงหน้าเบื่อหากทำอะไรซ้ำซากทุกวันทุกสัปดาห์ เราน่าจะมีเรื่องแปลกใหม่มาทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยบ้าง ถ้าเอาแต่นอนตื่นสายทุกวันอาทิตย์ก็น่าจะลุกขึ้นมาแต่เช้าไปกินอาหารอร่อยๆ นอกบ้าน หรือไปตลาดแล้วจ่ายกับข้าวมาทำอาหารมื้ออร่อยกินกันที่บ้าน

7 อย่าเปรียบตัวเองกับคนอื่น ใครจะมีสระว่ายน้ำ เครื่องเสียงแพงๆ รุ่นล่าสุด หรือรถหรูใหม่เอี่ยมไม่ต้องสนใจ หากดูให้ดีๆ คุณอาจพบว่าคนพวกนี้ต้องทำงานสัปดาห์ละเจ็ดวัน ไม่มีเวลาเจอหน้าคนในบ้านหรือเพื่อนฝูง หรืออาจต้องผ่อนหนี้สินไปอีกหลายสิบปี แล้วชีวิตอย่างนี้ดีจริงหรือ

8 กำจัดข้าวของรกในบ้าน เสื้อผ้าที่ไม่เคยใส่มาเป็นปี เครื่องครัวที่ตั้งอยู่ตรงนั้นจนน้ำมันจับเป็นคราบหนา ไหนจะของเล่น หนังสือเก่า และเครื่องเรือน ยกไปบริจาคเถิด นอกจากจะได้บุญแล้ว ชั้นวางของและห้องต่างๆ ในบ้านจะโล่งและเป็นระเบียบมากขึ้น

9 รู้จักเอ่ยคำว่า "ไม่" ไม่ต้องลงมือทำเองทุกเรื่องเพราะชีวิตคุณก็วุ่นวายพออยู่แล้ว ไหนจะต้องทำเรื่องโน้น สะสางเรื่องนี้ ปล่อยให้สมองมีที่ว่างเพื่อคิดหรือทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง

10 รดน้ำต้นรัก รักคู่ครองของคุณอย่างที่เขาเป็น ที่คุณคิดว่าเขาเปลี่ยนไปนั้นเป็นความจริงหรือ (คิดให้ดีก่อนตอบ) ของทุกอย่างเมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่งก็ต้องบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมเป็น ธรรมดา ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาก็เช่นกัน ต้องมีการดูแลใส่ใจกันบ้าง

11 อย่าให้ความคุ้นเคยกลายเป็นไม่ไว้หน้า หากคุณให้เกียรติเพื่อนหรือผู้อื่น คู่ครองหรือคนในครอบครัวคุณก็ควรได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน และคุณเองก็ควรได้เกียรติจากคนในครอบครัวเช่นกัน

12 มอบความรักให้ครอบครัวและเพื่อนๆ อย่าเขินที่จะบอกคนเหล่านี้ว่าคุณรักพวกเขาตรงไหน เมื่อเขาทำอะไรดีๆ ให้ก็กล่าวคำชื่นชมบ้าง คำชมเล็กๆ น้อยๆ ไม่เคยทำร้ายใคร

13 อย่ารับปรับทุกข์ทุกเรื่อง หากปัญหาของเพื่อนเริ่มมีผลกระทบต่อตัวคุณ ก็ไม่ต้องฝืนทำตัวเป็นเสาหลักให้เขาพิงอยู่เรื่อยไป ให้เพื่อนหัดแก้ปัญหาและก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเอง

14 ติดต่อเพื่อนเก่า คุณอาจขาดการติดต่อกับเพื่อนไปนาน แต่ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะโทรศัพท์ ส่งอีเมล์ หรือเขียนจดหมายถึงเขา และนานแค่ไหนแล้วที่คุณไม่ได้คุยกับป้า ท่านอยากได้ยินเสียงคุณจะแย่แล้ว

15 บำรุงอารมณ์ด้วยสีเขียว ดอกไม้สดจากสวน หรือตื่นแต่เช้าไปตลาดซื้อดอกไม้ ผักผลไม้ราคาไม่แพงมาแต่งบ้านให้สดใส คุณเคยมีสวนกระถางในบ้านไม่ใช่หรือ นำกลับมาอีกครั้ง แล้วบ้านคุณจะชุ่มชื่นมีชีวิตชีวาแน่นอน

16 ไปทะเลกันดีกว่า ทิวทัศน์กว้างไกล สายลม เกลียวคลื่น สองเท้าเปลือยเปล่าย่ำบนผืนทราย และแสงแดดระยับ ไม่มีอะไรทำให้จิตใจเริงรื่นชื่นบานได้ดีกว่านี้อีกแล้ว

17 สร้างสรรค์ผลงาน จะเป็นภาพเขียน งานปั้น เย็บปักถักร้อย อบขนม จัดสวน หรืออะไรก็ได้

18 สูดอากาศบริสุทธิ์ ออกไปข้างนอกหรือเปิดหน้าต่างกว้างๆ สูดหายใจให้เต็มปอด คุณจะรู้สึกว่าอากาศเสียถูกขับออกจากตัว

19 ออกไปเดินเล่น การออกกำลังเบาๆ จะช่วยเติมชีวิตชีวาให้คุณทั้งร่างกายและจิตใจตั้งแต่เดินเล่นครั้งแรกเลยที เดียว การออกกำลังสม่ำเสมอจะทำให้คุณกระปรี้กระเปร่าและรู้สึกดีขึ้นทุกวัน

20 ดูหนังตลกและหัวเราะให้สบายใจ ร้านให้เช่าวิดีโอมีหนังเบาสมองให้เลือกมากมาย จะเป็นหนังไทยหรือฝรั่งไม่สำคัญ ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาบ้าง

21 ย้ายเครื่องเรือนและของแต่งบ้าน หรืออาจทาสีห้องและผนังใหม่ด้วย รับรองว่าบรรยากาศที่ได้คุ้มค่าไม่แพ้วันหยุดเลยทีเดียว

22 รอคอยสิ่งดีๆ เช่นวันหยุดพักร้อน ออกไปเที่ยวกับเพื่อนฝูง หรือแม้แต่ไปนวดแผนโบราณ

23 ชวนเพื่อนมากินมื้อค่ำ จัดห้องและโต๊ะอาหารที่บ้านให้แปลกไปจากเดิม เสิร์ฟเครื่องดื่มค็อกเทลหรือแชมเปญ เปิดเพลงเสริมบรรยากาศ สนุกกับการเตรียมอาหาร ทุกคนจะปลาบปลื้มหากเห็นว่าคุณทุ่มสุดฝีมือ แล้วค่ำคืนนั้นก็จะครึกครื้น

24 ยิ้มไว้ ยิ้มเป็นโรคติดต่อ ไม่เชื่อก็ลองยิ้มดู
25 ทำให้คนอื่นมีความสุขบ้าง ทำเพื่อตัวเองมามากแล้วก็น่าจะทำเพื่อคนอื่นบ้าง เริ่มจากอดกลั้นไม่บีบแตรไล่รถที่วิ่งเหมือนเต่าคลาน หรืออาสาช่วยงานกุศล เพียงเท่านี้ การใช้ชีวิตให้สุดคุ้มก็ไม่ยากอย่างที่คิด